top of page
1.png

รีวิวคณะ และชีวิตในไต้หวันโดยศิษย์เก่า

2.png

พี่โค้ชแนะนำคณะ

3.png

เรียนภาษาจีนที่ไต้หวัน

4.png

รีวิวชีวิตทำงานในไต้หวัน

TW Career Hunter | คุยกับ 'พี่เเฮนเซน' เพื่อนซี้พี่โค้ช (คนอินโดนีเซีย) นักเรียนป.โท คณะ Technology Management (NTUST) สู่ตำแหน่ง Project Manager บอเทคที่ไต้หวัน!

  • รูปภาพนักเขียน: Taiwan Scholarship Hunter Official
    Taiwan Scholarship Hunter Official
  • 14 ก.ย.
  • ยาว 2 นาที

อัปเดตเมื่อ 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ree


Q1:  สวัสดีค่า  ก่อนอื่นแนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักหน่อยน้าาาา


พี่เเฮนเซน:  ผมชื่อแฮนเซน เดอร์ริก (Hansen Derrick) ครับก่อนหน้านี้เพิ่งเรียนจบจากคณะ Technology Management จาก National Taiwan University of Science and Technology (NTUST) ที่ไต้หวัน ตอนนี้ก็ทำงานอยู่ที่บริษัทเทคฯ ในไต้หวัน ในตำแหน่ง Project Manager ในส่วนงาน New Product Introduction (NPI)

.

จริง ๆ แล้วพื้นฐานผมมาจากสาย Computer Engineering นะ ก็คือจบป.ตรีสาย Com Eng แล้วหลังจากเรียนจบก็ทำงานในธนาคาร ในตำแหน่ง Management Trainee มาครับ หลังจากนั้นก็ได้ไปทำงานต่อด้านการเงิน เป็น Dealer ดูแลพวก FX กับ Derivatives ในฝ่าย Treasury กับ Capital Market


Q2: ย้อนความหลังกันหน่อย ทำไมถึงเบนจากสาย Computer Engineering หรือ Finance มาเรียน Technology Management ที่ไต้หวันล่ะ


พี่เเฮนเซน: จริง ๆ แล้วผมอยากเรียนต่อปริญญาโทมาตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีแล้วครับ แต่ตอนนั้นก็คิดว่าควรออกไปทำงานก่อน จะได้หาประสบการณ์แล้วค่อยรู้ว่าตัวเองอยากไปทางไหนจริงๆ หลังจากทำงานในสายธนาคารอยู่หลายปี ผมก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่เหมาะจะกลับมาเรียนต่อแล้ว ผมก็เลยคิดว่า "ทำไมไม่ลองเอาประสบการณ์การทำงานที่มี มาผสมกับความรู้จากที่เรียนปริญญาตรีล่ะ" ทีนี้พอได้มาเรียนด้านการจัดการเทคโนโลยี มันเลยเหมือนเป็นการต่อยอดมากกว่าเปลี่ยนสายจริงๆ ครับ คือเป็นการ Blend กันระหว่างสิ่งที่เรียนมากับสิ่งที่ทำงานมาได้ลงตัวอยู่นะ


แก๊งไทย - อินโดร่วมใจประจำ NTUST
แก๊งไทย - อินโดร่วมใจประจำ NTUST

Q3: Background ด้าน Computer Engineering กับ Finance อ่ะมันช่วยในสายงาน 'Project Manager' เรายังไง


พี่เเฮนเซน : พื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ของผมช่วยให้เข้าใจเรื่อง Technical มันช่วยให้ผมเข้าใจงานของฝั่ง Software Engineering ซึ่งพอเข้าใจแล้วอ่ะก็ทำให้เรารู้ว่าจะต้อง Lead & Manage รวมถึงสื่อสารกับพวก Engineer ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนปริญญาโทด้าน Technology Management มันทำให้มองภาพรวมกับเทรนด์ทางธุรกิจใหญ่ ๆ รวมถึง New Technology Infrastructure ได้ชัดขึ้น ขณะที่ประสบการณ์ทำงานธนาคารก็เติมทักษะด้านการเงิน ความเข้าใจธุรกิจ แล้วก็วิธีทำงานแบบครบวงจร พอรวมกันทั้งหมดแล้ว มันเลยทำให้ผมสามารถดูแลโปรเจกต์ได้ทั้งในมุม Technical และในมุม Business Strategies ที่ตอบโจทย์ลูกค้าด้วยครับ


ยืนกอดอกกันหน่อย 555555
ยืนกอดอกกันหน่อย 555555

Q4: แฮนเซนคิดว่า 'ชื่อเสียงของมหาลัยที่จบ' มีผลต่อการได้งานที่ไต้หวันมั้ย


พี่แฮนเซน : ผมว่าการมีวุฒิจากมหาวิทยาลัยดีๆ มันช่วยให้เราได้โอกาสถูกเรียกไปสัมภาษณ์นะครับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้งานแน่นอน เพราะการสัมภาษณ์จริงๆ มันเหมือนเป็นการดูว่าเรากับบริษัท “เข้ากันได้” แค่ไหนมากกว่า สิ่งที่สำคัญคือเราต้องแสดงให้เห็นว่าเรามีโฟกัส แล้วก็มีแพชชั่นจริงๆ ในระหว่างการสัมภาษณ์ สุดท้ายแล้วผมก็ยังเชื่อว่า ทัศนคติเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ครับ


Q5:  คิดว่า Factor ที่ท้าทายในการเป็น Project Manager ใน Tech Firm ที่ไต้หวันคืออะไร

พี่เเฮนเซน:   สิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับผมในการเป็น PM ดูแล Technology Products & Services ก็คือการทำความเข้าใจเทคโนโลยีและศัพท์เทคนิคให้ลึกพอ จนสามารถเข้าไปคุยกับทีม R&D แบบมีส่วนร่วมได้จริงๆ หมายถึงการ Lead ในเชิง Technical ได้จริงๆ นะครับ ไม่ใช่แค่แบบ Lead ในเรื่องทั่วไป แต่พอเจาะแก่นแท้ของตัวสินค้าแล้วคือเราทำไม่ได้เลย ซึ่งมันก็ทำให้ผมตั้งคำถามกับตัวเองเหมือนกันว่า “จริง ๆ แล้วเราอยากเป็น PM แบบไหนกันแน่?” จะเป็นแค่คนคอยดูแลเรื่องตารางงานให้เป๊ะ ๆ หรือจะเป็นโปรเจกต์ลีดที่ลงไปช่วยคิด ออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยเลย ซึ่งจริง ๆ ทั้งสองแบบก็ไม่ได้มีถูกผิดหรอกครับ มันขึ้นอยู่กับความสนใจของเราเองมากกว่า

" ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของไต้หวัน ตอนนี้ทุกคนเหมือนจะมุ่งไปทาง Server, Switch รวมถึงพวก IoT กับ AI กันหมดแล้วครับ แม้แต่สินค้าสำหรับผู้บริโภคทั่วไปก็เริ่มเอา IoT หรือ AI เข้ามาใช้ด้วยเหมือนกัน เพราะงั้นเราต้องตามเทรนด์พวกนี้ให้ทันตลอดเลยนะครับ เพราะลูกค้าก็จะคาดหวังว่าเราต้องเข้าใจสิ่งใหม่ ๆ เหล่านี้อยู่เสมอ" - เเฮนเซน, Project Manager

เด็กชายเเฮนเซน
เด็กชายเเฮนเซน

Q6: Expectation vs Reality การมาทำงานในไต้หวันเป็นยังไงบ้าง


พี่เเฮนเซน: โดยรวมแล้วก็เป็นไปตามที่ผมคิดไว้ครับ ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าการทำงานในวงการเทคโนโลยีของไต้หวันมันไม่ง่ายแน่ ๆ โดยเฉพาะในฐานะคนต่างชาติที่ภาษาจีนยังไม่คล่อง แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือผมเรียนรู้เยอะมาก แล้วภาษาจีนก็ดีขึ้นเยอะเลย เพราะต้องใช้คุยเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์จริง ๆ แต่สิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็คือ คนไต้หวันเขาใจดีกับชาวต่างชาติมาก ๆ เลย ถึงแม้ภาษาจีนผมจะยังติดขัด แต่เขาก็ใจเย็น รอฟังจนผมพูดจบ แถมยังพยายามเข้าใจสิ่งที่ผมจะสื่ออยู่เสมอด้วยครับ


ทำไมหน้าตาเศร้าสร้อยตอนขึ้นลิฟท์ไปทำงาน
ทำไมหน้าตาเศร้าสร้อยตอนขึ้นลิฟท์ไปทำงาน

Q7:   มี Culture Shock อะไรบ้างมั้ย กับการทำงานที่ไต้หวัน


พี่เเฮนเซน : ผมค่อนข้างตกใจเหมือนกันกับความทุ่มเทในการทำงานของคนไต้หวันครับ แล้วเขาก็แสดงความคิดเห็นตรงไปตรงมามากด้วย ซึ่งมันช็อกนิด ๆ สำหรับผม เพราะผมมาจากประเทศที่คนไม่ค่อยแสดงความเห็นหรือมีส่วนร่วมในการพูดคุยเท่าไหร่


Q8: ขอรีวิวเงินเดือน หรือพวกสวัสดิการในไต้หวันหน่อยสิ ขอตามความจริงนะ ไม่เอาขายฝัน


พี่แฮนเซน:  คำถามนี้ตอบยากหน่อยครับ เพราะแต่ละบริษัทและแต่ละตำแหน่งก็มีมาตรฐานต่างกันไป แต่ถ้าเรื่องวันลา โดยทั่วไปบริษัทในไต้หวันก็จะตามมาตรฐานของรัฐบาล ซึ่งพูดตรง ๆ ก็คือ ไม่ได้เยอะเท่าไหร่เลย ครับ


สำหรับผู้ที่จบปริญญาตรีในไต้หวัน เงินเดือนเริ่มต้นในสายงานบริหารจะมีความแตกต่างกันตามอุตสาหกรรมและตำแหน่งงาน โดยทั่วไปแล้ว เงินเดือนเริ่มต้นสำหรับผู้ที่จบปริญญาตรีในสายบริหารจะอยู่ในช่วงประมาณ NTD$ 25,000–NTD$30,000 ต่อเดือน

Q9:  ที่ไต้หวันเค้าค่อนข้างเปิดกว้างให้ตำแหน่งสูงๆ กับพนักงานต่างชาติมั้ย


พี่เเฮนเซน:  จากประสบการณ์ของผม คนไต้หวันค่อนข้างเปิดโอกาสให้คนต่างชาติเลื่อนตำแหน่งนะครับ ตราบใดที่เรามีความสามารถ แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องท้าทายอยู่เหมือนกัน เพราะคนไต้หวันเก่งกันจริง ๆ แถมขยันมากด้วยครับ



สมัยเรียน HRD ตอนป. โทที่ NTUST
สมัยเรียน HRD ตอนป. โทที่ NTUST

Q10:  สุดท้ายนี้ อยากฝากอะไรถึงคนที่อยากมาทำงาน Tech Firm ในไต้หวันหน่อยจ้า


พี่เเฮนเซน :   สำหรับคนจบใหม่ มาลองก่อนเลยครับ โดยเฉพาะถ้ายังเด็กอยู่ มีทัศนคติพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แล้วถามเลยเมื่อไม่เข้าใจ สำหรับคนที่อยากเป็น Project Manager ในอนาคตก็อยากแนะนำว่าให้ พยายามเข้าใจสิ่งที่ทีมทำ มีความเข้าอกเข้าใจคนในทีม แล้วทีมก็จะทุ่มเทมากขึ้นเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย

.

สำหรับชาวต่างชาติที่อยากทำงาน Professional / White Collar ในไต้หวันระยะยาว: ผมมักจะแนะนำให้ เรียนรู้และลองพูดจีน เพราะเราอยู่ไต้หวัน ไม่สามารถหวังให้เพื่อนร่วมงานพูดอังกฤษกับเราได้ตลอด การเรียนภาษาจะช่วยให้เข้าใจความคิดของเขามากขึ้น จากประสบการณ์ของผม คนไต้หวันใจเย็นมาก ถ้าเราเต็มใจเรียนรู้และพยายามจริง ๆ


See you in Taiwan
See you in Taiwan

สามารถทักไลน์ @twscholarhunter หรือคลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อปรึกษากับพี่โค้ชฟรีก่อน และดูแพ็คเกจเรียนต่อขอทุนไต้หวัน คลิกเลย


bottom of page