top of page
ค้นหา

คุยกับ ‘พี่ปัญ’ พร้อมอัพเดทคณะ & Lifestyle ในรั้ว National Cheng Chi University (NCCU) คณะ MBA มอท็อปสายสังคม และบริหารที่เข้ายากที่สุดในไต้หวัน!

อัปเดตเมื่อ 7 ม.ค.



Happy New Year 2025 to all HUNTERS!


ใครที่กำลังมองหามหา'ลัยเบอร์ต้นๆ ของเอเชีย และของโลก พร้อมโอกาสทุนการศึกษา และการต่อยอดทางอาชีพ (หรือย้ายประเทศ) มามุงกันตรงนี้ เพราะช่วงต้นปีนี่แหละเป็นช่วงที่มหา'ลัยต่างๆ ในไต้หวันเริ่มเปิดรับสมัครนักเรียนเทอม Fall กันแล้ว

มหา'ลัยไต้หวันมี 2 เทอม คือ เทอม Spring (เป็นเทอมเล็ก เปิดเรียนช่วงเดือนกุมภาพันธ์) และเทอม Fall (เป็นเทอมใหญ่ เปิดเรียนช่วงเดือนกันยายนของทุกปี)

วันนี้พี่โค้ชมีหนึ่งบทสัมภาษณ์จากรุ่นพี่นักเรียนไต้หวัน ผู้พิชิต Acceptance Letter จากรั้ว National Cheng Chi University หรือ NCCU ในคณะ IMBA (ป.โท) มอที่ขึ้นชื่อเรื่องสังคมศาสตร์ และพาณิชยศาสตร์​ (แว่วจากเพื่อนๆ ชาวไต้หวันว่า นักธุรกิจที่ไต้หวันหรือเอเชียชอบให้ลูกหลานมาเรียนที่นี่ เพื่อเนื้อหาเข้มมากเว่อร์ และคอนเนคชั่นปังมาก สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้ฉลุย)

.

ใครกำลังเล็งๆ คณะนี้อยู่ ไปอ่านบทสัมภาษณ์ของ 'พี่ปัญ' หนุ่มวิศวะที่ชอบTechnology/ Innovation ในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ให้กับโลก พร้อม Passion ในการมาเรียนบริหารเพื่อพัฒนาทักษะด้าน Business Strategy และเพื่อขยายฐาน Connection ทางธุรกิจให้กว้างกว่าเดิม

.

พี่โค้ช: สวัสดีค่าพี่ปัญ ก่อนอื่นแนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักหน่อยน้าาาา

พี่ปัญ: สวัสดีครับ ชื่อปันปัญ ครับ อายุ 27 ปี จบจากคณะวิศกรรม สาขาไฟฟ้าเครื่องกลการผลิต มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ที่ผ่านมาปัญทำงานมาหลายอย่างเลยครับ ตั้งแต่ Sale Engineer ในโรงงาน, Business Development มีทำ Start up เกี่ยวกับหุ่นยนต์ (RaaS) แม้กระทั่งเปิดบริษัททำธุรกิจกับเพื่อน แต่ปัจจุบันกลับมาช่วยธุรกิจครอบครัวด้านการศึกษาชื่อว่า จินตคณิต ดร. เมี่ยง (ขอขายของหน่อยครับ)  // ตอนนี้เรียนอยู่ที่ The International MBA Program ที่ National Cheng Chi University College of Commerce  (IMBA) ครับ


งาน Orientation ที่ NCCU
งาน Orientation ที่ NCCU

.

พี่โค้ช: พี่ปัญเรียนที่คณะ MBA ที่ National Cheng Chi University มาครบ 1 เทอมแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง หินเหมือนที่คนเค้าว่ากันจริงๆ มั้ย 

พี่ปัญ: ส่วนตัวการเรียน ป. โท เดิมไม่ได้อยู่ในแผนชีวิตเลยครับ แต่พอได้มาเรียนแล้วความรู้สึกโดยรวมถือว่าเกินคาดครับ ทั้งบรรยากาศการเรียน เพื่อน หรือแม้กระทั่ง Host Family (ใครเข้าที่ NCCU ผมแนะนำให้สมัครโปรแกรม Host Family นะครับเขาช่วยเหลือเราได้เยอะครับ)

.

ส่วนเรื่องการเรียนยอมรับตามตรงว่าส่วนตัวเป็นคนจบวิศวะที่เลี่ยงบัญชีมาตลอด แต่มาอยู่นี่ก็โดนเต็มๆ แบบครบองค์ ถามว่าหินไหม บอกได้ครับว่าเพื่อนที่เรียนบัญชีคือบอกว่าเรียนเร็วฉันเรียน 1 ปี แต่เราเรียนเทอมเดียวซึ่งเป็นเรื่องปกติของการเรียน ป.โท นะครับ ส่วนข้อดีที่ผมอยากเน้นมากๆ เลยคือที่นี่ เน้นการคุย Case Study ครับ เป็นการถกกันระหว่างเพื่อนร่วมคลาส โดยมีอาจารย์เป็นเหมือน Moderator พอต่างคนต่างเก่ง “ในรูปแบบของตัวเองที่ถนัด” มันก็ทำให้ Vision องค์รวมของคนในคลาสกว้างขึ้นด้วยครับ

คณะ IMBA ที่ National Cheng Chi University เปิดรับเฉพาะเทอม Fall (เรียนกันยายน) ของทุกๆ ปี โดยเปิดรับช่วงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ - ปลายเดือนมีนาคมของทุกปี
พี่ปัญกับเดอะแกงค์ NCCU Host Family อบอุ่นสุดๆ
พี่ปัญกับเดอะแกงค์ NCCU Host Family อบอุ่นสุดๆ

.

พี่โค้ช: บรรยากาศชองการเรียนเป็นยังไง แล้วก็เพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่เป็นชาติไหน มี background กันมายังไง / อาจารย์เป็นใครกันบ้าง

พี่ปัญ: เดี๋ยวผมซอยย่อยเป็นเรื่องๆ ให้นะครับ 5555555

  • การเรียน: เน้น Case Study ผสม Presentation ถกกันในห้องแต่ถ้าวิชาที่เป็นพื้นที่ฐานจริงๆเช่น Economics หรือ Accounting อันนี้เลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็น Lecture-based ส่วนการวิจัยอันนี้แล้วแต่ความชอบเจาะลึกแต่ละบุคคลละครับ หากเน้นแค่ให้เกรดผ่านผมมองว่ายังไม่จำเป็นอ่าน Paper อื่นๆเสริมครับ (เพราะของที่ให้มาอย่าง Textbook กับ Slide ก็ไม่ทันละครับ 5555)

  • เพื่อนร่วมคลาส: ที่นี่มีความ Asia ปน Europe ครับเพราะเพื่อนร่วมห้องเรามี Taiwanese 50-65% ส่วนที่เหลือคือหลากหลายและมาจากทั่วประเทศมาก เช่น อังกฤษ (สำเนียงดี) ฝรั่งเศส (ติสหน่อยๆ ) เยอรมัน (เป๊ะมาก) เม็กซิโก (สบายๆ สายชิว) เวียดนาม (ขยันมาก) อินโด (คล้ายไทย เน้นเฟรนลี่)  หรือ โซนแอฟริกา (แฟรนลี่สุดๆ) 

  • เพื่อนร่วมคลาสคนไทย: โดยรุ่นผม (Fall' 24) มีเด็กไทยแค่ 2 คน (รวมผมแล้ว) ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ทำให้เราไม่เกาะกลุ่มไทยเพื่อทำงาน หรือคุยกันสภาพแวดล้อมแบบไทยๆ มันเลยเปิดโอกาสให้เราได้พูดคุย Eng ตลอดใน Class

  • จำนวนคน ต่อคลาส: ในห้องมีตั้งแต่ 20-50 คน แล้วแต่วิชาที่จะลง แต่เค้าจะแบ่งเป็นกลุ่มให้ทำงานกันเพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงด้านคุณภาพการเรียนเลยครับโดนแน่นอนทุกคน ไม่ต้องกลัว

  • อาจารย์: อาจารย์ทุกท่านที่นี่เก่งมากครับแบบจบอังกฤษมาหรือ top U มาทั้งนั้นเลย ที่สำคัญเค้า Friendly มากครับ เต็มใจที่จะช่วยอยากให้เราถาม อยากให้เราตอบ อาจารย์คณะ บัญชี มีขนมมาแจกเด็กในห้องทุกคลาสครับ 5555 (เป็นการตบหัวลูบหลัง 55555 หยอกๆ)

  • ข้อควรรู้: ถ้าได้จับกลุ่มคนไต้หวันล้วน หรือมาเลเซียเค้าอาจจะพูด จีนใส่ตอน Discuss กันบ้างอย่าไปนอยนะครับ บอกเค้าไปเลยตรงๆว่าเราอยากร่วมคิดด้วยให้คุยเป็น Eng นะครับ เค้าจะเข้าใจเรามากๆ เพราะบางครั้งเค้าไม่รู้จะอธิบายคำนี้ใน Eng ยังไงเค้าเลยขอแวปคุย จีนหน่อย เราก็ได้ฝึกจีนไปด้วย 5555


เพื่อนร่วมคลาสที่มาจากทั่วโลก (แน่นอนคนไทยอย่างปัญ ก็กำลังกินยอดต้นไม้อยู่)
เพื่อนร่วมคลาสที่มาจากทั่วโลก (แน่นอนคนไทยอย่างปัญ ก็กำลังกินยอดต้นไม้อยู่)

.

พี่โค้ช: มีวิชาไหนที่เด็ดๆ ที่เป็น a must ว่าต้องลงเรียนนะ ห้ามพลาดเด็ดขาด !!

พี่ปัญ: คณะ IMBA ของที่นี่ต้องเรียนทั้งหมด 42 หน่วยกิต ขั้นต่ำ + Volunteer อีก 45 ชั่วโมง แยกเป็นวิชาบังคับหรือ Require Course 25 หน่วยกิจและ Elective Course ให้เลือกอีกเพียบ! ส่วนวิธีการเลือกนั้นผมใช้คำว่า "เลือกตามแบบที่เราตั้งเป้ามหมายไว้เลยก็ได้ครับ" ว่าเราอยากเพิ่มเติมทางด้านไหนเป็นพิเศษ เพราะอาจารย์ที่นี่แต่ละท่านคือ Degree U Top ระดับ Global ครับ

  • วิชาแนะนำให้ลงเรียน: เนื่องจากปัญเพิ่งเรียนไปเทอมเดียวเอง ส่วนตัวที่ลงเรียนที่รู้สึก ดีแต่ยากนะ แต่วิชานี้นำไปประยุกต์ได้จริง คือ Business Quantitative Management (เป็นวิชาบังคับ)- เป็นวิชาเกี่ยวกับการนำ Data มาวิเคราะห์ คล้าย Stat แต่เน้นไปทางธุรกิจมากกว่า ให้สมมุติการตั้ง สมุติฐานขั้นมา 1 อย่างเช่น แม้หน้าร้อนเราก็ยังคงกินก๋วยเตี๋ยวอยู่จริงไหม หรือแบบลองตั้งธุรกิจขึ้นมาหน่อยเป็น การใช้ Mobile Banking ทำให้เราสามารถควบคุมการเงินเราได้ง่ายยิ่งขึ้นจริงไหม แทนที่เราจะใช้ความรู้สึกตอบว่า อืม ก็น่าจะใช่นะ หรือ ทานบ่อยนะ แต่เราเปลี่ยนเป็นสิ่งที่วัดผลได้และ Forecast อนาคตจาก Data ที่มีเพื่อไปวางแผนกลยุทธ์ต่อได้ ผ่านการทำ Survey และ Analyst เข้าโปรแกรมเพื่อไม่ให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด 

    .

    อีกวิชาคือสาย Entreprenure ที่ชอบเพราะได้ไปดูงานจริงๆ ครับ ชื่อวิชาจะแตกต่างไปแต่ละปี อย่างปีที่ผมเรียนมีชื่อว่า Small and Medium Entreprenure เริ่มแรกเค้าจะให้เราทำ Case ก่อนครับเพื่อจูนความคิดเราใส่ Mindset หล่อหลอมความเป็นเจ้าของธุรกิจก่อน แล้วช่วงหลังจะพาเราไปดูงานบริษัทต่างๆ โดยได้คุยกับ CEO หรือ GM ในระดับ บ. 100-1,000 ล้านขึ้นไป ว่าเค้ามีความคิดอย่างไรก้าวข้ามอย่างไรส่วนตัวผมชอบครับ

    .

    สุดท้ายคือสายตัวเลขบัญชี เป็นวิชาบังคับชื่อ Managerial Accounting บัญชีบริหาร ใช้ในการมองภาพรวมบริษัท ว่าเราควรวิเคราะห์ตัวเลขไหนบ้างอัตราส่วนอะไรที่ควรดูเพื่อลงทุนต่อหรือถอนทัพ ถ้าสายจำเก่งวิชานี้เป็นอีก

    ตัวที่สนุกโหดไม่แพ้กันเลยครับ


Teammate หลัง Pitching Business Idea เสร็จ ซึ่งเป็น Assignment ของคลาส
Teammate หลัง Pitching Business Idea เสร็จ ซึ่งเป็น Assignment ของคลาส

.

พี่โค้ช: ที่นี่ต้องทำ Thesis มั้ยคะ และต้องเริ่มทำช่วงเทอมไหน 

พี่ปัญ: มีครับ แต่ Sequence จะเรียงเป็นการทำ Oral Defense ก่อน และตามด้วยช่วงที่ต้องเริ่มหาอาจารย์หรือทำเล่ม Thesis // คือถ้าบางคนฝึกงาน (Internship) หรือไป Dual Degree (เรียนต่างประเทศในโซนยุโรป หรือเอชียในเครือ NCCU และโอนเครดิตได้) ด้วยก็จะเริ่มตั้งช่วงกลางเทอม 2 ซึ่งรวมไปถึงเข้าหาอาจารย์เพื่อปรึกษาหัวข้อครับ และจะมีการ Guideline เข้าฟังวิธีการทำ และการจบไว้เป็นขั้นตอนดีครับ

.

พี่โค้ช: Expectation vs Reality ของเราต่อคณะ MBA ที่ NCCU เป็นยังไงบ้าง พอมาเรียนแล้วเข้าใจอะไรชัดขึ้นมั้ย แล้ววางแผน career path ไว้ยังไงบ้าง อย่างตอนที่เราคุยกัน ปัญตั้งเป้าหมายว่าอยากมาสร้าง connection แล้วเราได้ achieve ตรงนั้นมั้ย

พี่ปัญ:

  • ความคาดหวังแรก: ตอนแรกคาดหวังแค่ว่าได้มาเรียนกับได้ภาษาจีนด้วยก็โอเคแล้ว แต่พอมาที่นี่จริงๆเกินคาดไปเยอะมากครับหลายอย่างตั้งแต่เพื่อนร่วมชั้นที่ดี อาจารย์ดี ที่ปรึกษาดี Facility ดี ที่ NCCU แม้คนไต้หวันเองพูดได้ว่าเป็นลำดับต้น TOP 3 ของด้าน MBA ครับ

  • Career Path: เนื่องด้วยตัวผมต้องกลับไปช่วยธุรกิจที่บ้านครับ พอหลังจากเรียนจบจะกลับไปช่วยต่อเลย แต่มีหลายคนที่แพลนทำงานที่นี่ต่อ ที่ไปฟังๆ มาคือ ถ้ามี ARC มีที่อยู่และ Working Permit สามารถทำงานที่นี่ได้ครับ ส่วนสายงานขึ้นอยู่กลับความสามารถแต่ละท่านแล้วครับ หากสื่อสารจีนได้ มีชัยไปกว่าครึ่งแน่นอนครับ

  • สิ่งที่ได้: ความคิดการตัดสินใจอย่างเฉียบคมมากขึ้น ตอนที่มาเรียนยอมรับว่าเป็นคนที่ทำด้วย Feeling นำเยอะครับแม้เป็นวิศกรก็ตาม  555 แต่ว่าที่นี่จะปรับความคิดของเราให้คิดอย่างมีหลัก Support ว่าทำไม เพราะอะไร แล้วอย่างไรต่อ เราจะได้ติดตัวมาแบบไม่รู้ตัว

  • Tip: เนื่องจากว่า Chat GPT(AI) เข้ามามีผลมากๆ ต่อการเรียนครับ ฉะนั้นมันเลยเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะไม่ใช้มัน

    ส่วนตัวผมจะใช้ในสิ่งที่เราไม่สนใจ โดยจะให้ Chat หาคำตอบ Solve ให้เลย แต่หากวิชาไหนที่เราอยากรู้ลึก ผมแนะนำว่าให้เราหาด้วยตัวเองครับ ค่อยๆ ค้นไปมันจะค่อยๆ เรียบเรียงความคิดเราให้เป็นระบบมากขึ้นและเข้าใจหลักการมากขึ้น (ใช้เวลากว่าเยอะแต่ได้ผลดีครับ)

  • Connection: แม้ว่าคนไต้หวันส่วนใหญ่จะเป็น Introvert บางครั้งเราอาจจะต้องเข้าไปทักก่อน แต่สุดท้ายเพื่อนๆเหล่านี้จะอยากคุยกับเราเองครับ เนื่องด้วยผมต้องการ Conection แนวการศึกษาเลยยังเป็นแวดวงที่ค่อนข้างหายากนิดนึง แต่ที่ผมได้และมารู้ที่หลังจากสนิทแล้ว เช่น ลูกเจ้าของก่อสร้างตกแต่งภายในให้กับตึก 101 หรือ เพื่อนเป็นเจ้าของ Shiping Cargo ในอินโด เป็นต้น


Field Trip แน่นจุก.
Field Trip แน่นจุก.

พี่โค้ช: เม้ามอยไลฟ์สไตล์ชีวิตในแคมปัส NCCU หน่อยจ้าาาาา

พี่ปัญ: สิ่งที่ surprise แรกเลยคือ คุณจะเห็นคนสูงอายุแบบ 80+ ( ใช่ครับตัวเลขนี้ไม่ผิดครับ) มาเดินTrail หรือ Hiking เพราะฉะนั้นความอยากแข็งแรงของเราและทัศนะคติในการใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนโดยสิ้นเชิงเลยครับ

  • อาหาร: ที่นี่ไม่ค่อยมีรสชาติหวาน ขนาดชานมไข่มุขยังจืด (แต่ผมชอบนะครับเพราะเป็นคนไม่ทานของหวาน) รสชาดไม่จัดจ้านเหมือนบ้านเรา 

  • หอ: ใครที่ชอบ Lifestyle แบบธรรมชาติ หมอกลงทุกเช้าที่หน้าต่าง เห็นวิวเดินเข้าเรียนเป็น Taipei 101 ทุกวันไม่พลุกพล่าน นอนบนเขา (หอพักเค้าอยู่บนเขา) 

  • Facility: ครบเครื่องครับ ตั้งแต่ Fitness, Batminton, Football, Basketball (อันดับหนึ่งของประเทศมาจากมหาลัยนี้) และ Baseball (ที่นี่พอถึงฤดูเค้าจะนั่งเชียร์กันเหมือนเชียร์บอลบ้านเราเลยครับ)

  • ชมรม: มีเกิน 50 ชมรม ครับใครสายไหนเลือกได้เลยแต่จะมีค่าเข้าชมรมและส่วนใหญ่สื่อสารเป็นภาษาจีน

  • กิจกรรม: มีตั้งแต่สัมมนาจริงจังว่ามหาลัยของเราจะดำเนินไปในทิศทางไหนจนถึงตลาดกลางคืนคล้ายงานเกษตรแฟร์

  • สถานที่เที่ยว: ที่นี่คือชoเมืองครับ ติดกับ Taipei Zoo สายรักสัตว์น่าจะชอบ

.

พี่โค้ช: พี่ปัญแบ่งเวลาชีวิตยังไงบ้าง เพราะพี่โค้ชจำได้ว่าพี่ปัญทำงานแบบ remote working จากที่ไทยด้วย 

พี่ปัญ: ช่วงแรกยอมรับตามตรงว่าหนักครับ พยายามแยกเวลาการเรียนให้ชัด เพราะเริ่มเรียนตอน 19.00 -22.00 น. เกือบทุกวัน นั่นแปลว่า 18.00 น. เลิกงานที่ไทย ซึ่งมันตรงกับเวลาเรียนที่ไต้หวันพอดี (19.00 น.) ผมเลยจัดเตรียมอาหารเย็นแบบว่าพร้อมทานเลยจะประหยัดเวลาเราตรงนี้ครับ ส่วนเสาร์อาทิตย์ไม่ต้องพูดถึงครับ เรียนเต็มวันทั้ง 2 วันหากลงหน่วยกิจเยอะ ข้อดีอีกอย่างของไต้หวันคือเวลาห่างแค่ 1 ชั่วโมง แถมเรานำไทยด้วยครับ ตอนทำงานเลยดีหน่อยคือเราเริ่มงาน 9.00 น. ที่ไต้หวัน ซึ่งตรงกับเวลา 8.00 น. ที่ไทย ทำให้เราดูขยันขึ้นมาอีกหน่อยครับ 5555 

.

ส่วนตัวการจัดสรรค์เวลาคือ 9.00-17.00 น. รีบจบงานที่ไทยให้ไว แจ้งหัวหน้างานให้ชัดครับว่าเรามาเรียนต่อ (ขึ้นอยู่กับบริษัทนั้นๆ นะครับ) ของผมโชคดีหน่อยที่หัวหน้าเข้าใจจึงได้ข้อดีตรงนี้ไปอีก แต่อย่าเพิ่งท้อนะครับ เพราะเราไม่ได้เรียนทุกวัน ส่วนวันอื่นๆ ที่ไม่มีเรียนก็จะไปทำกิจกรรมส่วนตัวของเราเองได้ซึ่งใครที่ไม่ทำงาน ช่วงเช้าถึงเย็นเราจะว่างเลยครับ แนะนำให้หากิจกรรมทำหรือไปเที่ยวเลยครับ 555


พี่ปัญในคราบนักธุรกิจหนุ่ม เนื่องจากต้องวิ่งรอกเรียนไปด้วย ทำงาน Remote ที่ไทยไปด้วย (สู้ชีวิตมากจริงๆ ).
พี่ปัญในคราบนักธุรกิจหนุ่ม เนื่องจากต้องวิ่งรอกเรียนไปด้วย ทำงาน Remote ที่ไทยไปด้วย (สู้ชีวิตมากจริงๆ ).

พี่โค้ช: อยากฝากอะไรถึงน้องๆ รุ่นถัดไปที่มีความสนใจเรียนต่อคณะนี้บ้าง

พี่ปัญ: ใครที่กำลังมองหา ที่เรียน ป. โท ราคาสบายกระเป๋า แต่คุณภาพคับถ้วย อยากได้ Connection ต่างชาติ แบบทั่วโลก อยากสื่อสารจีนได้ และอยากได้สภาพแวดล้อมคล้ายไทยแต่อากาศเย็นกว่าแนะนำที่นี่มากๆครับ ส่วนด้านอื่นๆ พื้นฐานที่สำคัญๆพี่ Hunter เค้าปูแนะนำมาให้หมดและครับ ถอดสมองและใช้ชีวิตได้เลย 5555 ถือโอกาสขอบคุณพี่โค้ชและทีมงานด้วยครับ


ปล. ขอขายของให้พี่ปัญหน่อย น้องๆ คนไหนที่อยากเก่งเลข พี่โค้ชขอผายมือมาที่ 072 จินตคณิต ดร.เมี่ยง ได้เลย เพราะที่นี่เน้นสอนให้คิดเป็นระบบ เรียนสนุก คิดเร็ว ไม่ผิดหวังแน่นอน


#เรียนต่อขอทุนไต้หวัน กับทีมพี่โค้ชแห่ง Taiwan Scholarship Hunter ไม่มีผิดหวัง สถิติพาเด็กไทยเรียนต่อขอทุนไต้หวันกว่า 100 ทุนในระยะเวลา 2 ปี <3

 
 
 

Comments


bottom of page