top of page
1.png

รีวิวคณะ และชีวิตในไต้หวันโดยศิษย์เก่า

2.png

พี่โค้ชแนะนำคณะ

3.png

เรียนภาษาจีนที่ไต้หวัน

4.png

รีวิวชีวิตทำงานในไต้หวัน

TW Career Hunter | คุยกับองค์หญิงผิงตงของพี่โค้ช ‘น้องโฟน’ จากสาวขอนแก่น (Econ มข.) สู่นักศึกษาฝึกงานสหกิจที่ไต้หวัน ณ National Pingtung University สวรรค์เมืองใต้ของไต้หวันนนนนน

  • รูปภาพนักเขียน: Taiwan Scholarship Hunter Official
    Taiwan Scholarship Hunter Official
  • 3 ต.ค.
  • ยาว 4 นาที

อัปเดตเมื่อ 19 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ree

.


Q1:  สวัสดีค่าน้องโฟน ก่อนอื่นหนูแนะนำตัวให้เพื่อนๆ รู้จักหน่อยน้าาา


น้องโฟน: ฮาย~ สวัสดีค่ะทุกคน เราชื่อโฟนนี่นะคะ ตอนนี้เราเป็นนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นค่ะ (หรือที่เราเรียกกันเล่น ๆ ว่า มอขอไข่) ระหว่างเรียนก็มีโอกาสได้ช่วยอาจารย์ทำวิจัยและเก็บข้อมูลจริง ๆ เลยทำให้เราได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เยอะมาก จนพอถึงเทอมสุดท้ายที่ต้องออกไปฝึกสหกิจศึกษา เราก็เลยเลือกงานที่ถนัดที่สุด ก็คืองานวิจัยนี่แหละค่ะ แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือ เราตัดสินใจลองฝึกงานต่างประเทศ เพราะอยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้มากที่สุด (พูดตรง ๆ ก็คืออยากเที่ยวก่อนเรียนจบด้วยแหละ) ตอนแรกก็ส่งใบสมัครไปหลายที่เลยค่ะ สุดท้ายก็ได้รับโอกาสที่ National Pingtung University (NPTU) ที่ไต้หวัน ซึ่งบอกเลยว่าดีใจมากกก~ เพราะที่นี่ไม่ใช่แค่ได้ทำงานวิจัย แต่ยังได้เปิดโลกในหลาย ๆ เรื่องไปพร้อมกัน

"เราใช้เวลาที่นี่ทั้งหมด 4 เดือนเต็มค่ะ ช่วงแรกแอบตกใจนิดหน่อยเพราะมหาวิทยาลัยอยู่ที่ ผิงตง เมืองทางตอนใต้สุดของไต้หวัน ไม่ใช่ไทเปที่หลายๆ คนคุ้นเคย แต่พอได้มาอยู่จริงๆ คือประทับใจสุดๆ เมืองสงบ ไม่วุ่นวาย ผู้คนเป็นมิตร บรรยากาศก็ต่างจากเมืองใหญ่ ทำให้เราได้ enjoy กับการใช้ชีวิตแบบเต็มๆ"

น้องโฟนนี่ กับเพื่อนๆ โชว์ Certificate ฝึกงานเสร็จแล้ววววว ณ NPTU
น้องโฟนนี่ กับเพื่อนๆ โชว์ Certificate ฝึกงานเสร็จแล้ววววว ณ NPTU

Q2: แล้วไหงคุณหนูจับผลัดจับผลูได้มาฝึกงานที่นี่ล่ะคะ


น้องโฟน: จริงๆ จุดเริ่มต้นมาจากตอนจะขึ้นปี 3 ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มข. จัด International Bootcamp ซึ่งปีนั้นจัดที่ Taipei , Taiwan (กิจกรรมจัดทุกปีนะแต่ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละปีจะได้ไปประเทศไหน ขอโฆษณานิดนึง) ตอนนั้นโฟนนี่สอบคัดเลือกได้และได้มาที่ไต้หวันเป็นครั้งแรก ซึ่งแม้จะแอบกังวลนิดหน่อย แต่พอมาแล้วกลับประทับใจมาก ทั้งผู้คนที่น่ารัก อาหารที่เข้ากับเราได้ง่าย และการใช้ชีวิตที่ไม่ต้องปรับตัวเยอะ จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้โฟนนี่ปักหมุดในใจเลยว่า “อยากกลับมาฝึกสหกิจที่นี่อีกครั้งแน่นอน”

.

ขั้นตอนการสมัครเนี่ย ขั้นแรกต้องสำรวจข้อมูลก่อนค่ะว่ามีที่ไหนเปิดรับบ้าง เคยมีรีวิวเด็กไทยไปฝึกที่นั่นไหม แล้วสายการเรียนเราตรงกับงานที่เขาต้องการไหม หลังจากนั้นก็ส่ง Resume/CV กับ SOP ไปให้เขาพิจารณา (บางที่อาจมีเรียก Interview แต่ของโฟนไม่มีค่ะ) พอเขาตอบรับ ก็จะส่งเอกสารตอบรับและเอกสารสำหรับยื่นขอวีซ่ากลับมาให้ จากนั้นก็เตรียมเอกสารยื่นวีซ่าและจองตั๋วบินได้เลย ที่จริงหนูส่งไปหลายที่เหมือนกัน แต่ NPTU ตอบรับเร็วมาก เพราะเขาเปิดรับ Foreigner Student อยู่แล้ว แถมเรายังเป็นรุ่นแรกของเขาด้วย ก็เลย Click กันง่ายมากค่ะ พร้อมแต่ง เอ้ย ไม่ใช่ พร้อมบินไปสร้างตำนานบทใหม่ที่ผิงตง 

.

สิ่งที่ต้องเตรียม (เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด)

  • Resume / CV เล่าเรื่องราวการเรียน กิจกรรม และประสบการณ์ที่ผ่านมา

  • SOP (Statement of Purpose) เขียนอธิบายเหตุผลว่าเราสนใจไปฝึกทำไม และเราจะได้อะไรกลับมา

  • เอกสารยื่นความประสงค์ฝึกสหกิจ ที่ออกโดยมหาวิทยาลัย

  • ใบขออนุญาตผู้ปกครอง ต้องมีเซ็นยืนยัน เพราะถือว่าไปต่างประเทศ

.

คุณสมบัติผู้สมัคร

  • เกรดเฉลี่ย 5 เทอม ไม่ต่ำกว่า 2.50

  • ไม่มีวิชา F

  • ประพฤติดี และมีวินัย

  • ใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับที่สื่อสารได้ดี




Q3:  เม้าบรรยากาศการทำงานหน่อยสิ ฝึกงานนี่ทำอะไรบ้างจ้ะ แล้วเค้ามีค่าแรงให้มั้ยอ่ะ 


น้องโฟน : การฝึกงานที่นี่ไม่ได้มีค่าแรงนะคะ แต่สิ่งที่มหาวิทยาลัยซัพพอร์ตให้ก็คือเรื่องที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต เช่น หอพัก ค่าไฟ ค่าน้ำ ซึ่งช่วยประหยัดไปได้เยอะเลย ที่สำคัญคือบรรยากาศการทำงานไม่ได้กดดันเลยค่ะ ตรงกันข้ามค่อนข้างชิลและอบอุ่นมาก จนทุกวันรู้สึกเหมือนไม่ได้มาทำงาน แต่เหมือนมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันมากกว่า โฟนนี่ไปฝึกที่ National Pingtung University (NPTU), Department of International Business, College of Management ซึ่งตารางงาน Mon-Fri โดยหน้าที่จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ


  1. Office General Assistance (GA) หน้าที่หลักคือช่วยงานธุรการของภาควิชา เช่น เช้า 8.30 น. เข้างานแล้วไปรับเอกสารจากห้องเอกสาร เพื่อนำไปส่งต่อให้ผู้ดูแลสำนักงาน ระหว่างวันก็ดูแลพัสดุและทรัพยากรของภาควิชา บางครั้งถ้ามีคลาสภาษาอังกฤษ อาจารย์ก็จะเชิญเราเข้าไปช่วยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ Interactive ขึ้นด้วยค่ะ มันไม่ใช่งานที่ซีเรียสอะไร แต่กลับทำให้เราได้ใกล้ชิดกับอาจารย์และนักศึกษามากขึ้น


  2. Research Assistance (RA) ส่วนนี้จะทำงานใกล้ชิดกับอาจารย์โดยตรงค่ะ เราจะมีการนัดคุยกับอาจารย์เพื่อเลือกหัวข้อวิจัย ถ้าเรามีหัวข้อที่สนใจอยู่แล้วก็เสนอได้ แต่ถ้ายังไม่มี อาจารย์จะช่วยแนะนำหัวข้อให้ พอเลือกได้แล้วก็จะใช้เวลาช่วงบ่าย ๆ มานั่งค้นคว้า หาข้อมูล และคุยอัปเดต Progress กับอาจารย์เกือบทุกสัปดาห์ ซึ่งอาจารย์ที่นี่ค่อนข้างชิลมาก เขาจะไม่เร่ง แต่จะค่อย ๆ พาเราเรียนรู้ทีละขั้น ตั้งแต่การคิดหัวข้อ การหาข้อมูล การเขียน การเก็บข้อมูล การใช้โปรแกรม จนถึงการสรุปผล ถ้าเราไม่เข้าใจตรงไหน อาจารย์ก็จะนั่งสอนให้แบบละเอียดจนเข้าใจจริง ๆ


โดยรวมคือ การทำงานทุกวันมันไม่ได้รู้สึกว่าหนักหรือเหนื่อย แต่กลับเป็นบรรยากาศที่ช่วยให้เราค่อย ๆ เติบโตและเรียนรู้ไปพร้อมกับคนที่นี่ค่ะ




Q4: เรื่องกินอยู่เราต้องดูแลจัดการด้วยตัวเองมั้ยคะ


น้องโฟน : บอกก่อนเลยว่าใครจะมาฝึกงานที่นี่ หอพักมหาลัยคือทางรอดแบบเซฟเงินสุด ๆ พราะถ้าเราไม่อยากเสียเงินมากเกินไป OIA (Office of International Affairs) จะจัดไว้ให้เลย แต่ถ้าอยากอยู่หอนอกก็ต้องหาจ่ายเอง ซึ่งโฟนเลือกอยู่หอในของมหาวิทยาลัยค่ะ

.

ห้องพักที่นี่จะอยู่กัน 4 คนต่อห้อง ห้องน้ำรวมกับเพื่อนร่วมชั้น แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะวุ่นวายเกินไปเพราะมี Restroom และ Shower Room แยกชัดเจน มีหลายห้องให้ใช้ไม่ต้องแย่งกัน ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็ครบมาก ทั้งเครื่องซักผ้าและอบผ้า (ถูกมาก ซัก 10 บาท อบ 10 บาทต่อ 30 นาที) โซนตากผ้าก็มี และยังมีเครื่องกดน้ำทั้ง/ร้อน/อุ่น/เย็น สะอาดใช้ได้เลย ส่วนในห้องก็แบ่งสัดส่วนชัดเจน เตียง โต๊ะทำงาน ของใครของมัน มีพัดลมและแอร์ให้เปิดได้ตามสะดวก (ค่าไฟฟรี แต่เวลาเปิดแอร์ต้องซื้อการ์ดเติมเงินนะคะ โฟนซื้อไป 300 อยู่ได้ครบ 4 เดือน เปิดฉ่ำ ๆ เลยเหมือนอยู่ Igloo แบบ Eskimos) รูมเมทหล่อมากกกแต่เป็นสายเปิดเผยสุด ๆ ไม่ค่อยอายเลย อันนี้ต้องวัดดวงอีกเหมือนกันว่าจะได้รูมเมทคาแรคเตอร์แบบไหน 

.

เรื่องอาหารการกิน ทำกับข้าวในหอไม่ได้นะคะ เพราะอยู่รวมหลายคน แต่ไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะรอบ ๆ มหาลัย ของกินคือสวรรค์ มีตั้งแต่ถูกสุดยันแพงสุด ร้านง่าย ๆ 40–60 NTD ก็อิ่มแล้ว ของอร่อยประจำคือพวกข้าวกล่อง ไก่ทอด ชานม (ราคาก็เป็นมิตร) โฟนเองชอบออกไปกินข้างนอกบ่อย ๆ ได้เปิดหูเปิดตา เจอผู้คนใหม่ ๆ และได้ลองรสชาติอาหารท้องถิ่นหลายอย่าง เวลาอาจารย์นัดคุยบางครั้งก็จะพาไปเลี้ยงอาหารด้วย ทำให้ช่วงฝึกงานมีทั้งมื้อเรียบง่ายของเราเองและมื้อฟรินๆสบายกระเป๋ากับอาจารย์  นอกจากนี้ของใช้ส่วนตัว เครื่องสำอาง หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าก็หาได้ง่ายรอบ ๆ มหาวิทยาลัย ทั้ง Carrefour, PX Mart, Poya, Global Mall เดินแป๊บเดียวก็ซื้อครบ ชีวิตนักศึกษาฝึกงานที่นี่สะดวกสบายสุดๆ




Q5:  แอบถามหน่อยค่ะ เรื่องนี้ซีเรียส เราควรต้องเตรียม Pocket Money ไปเท่าไหร่คะ ถึงจะอยู่รอดได้ แล้วค่าใช้จ่ายในเมือง Pingtung เป็นไงบ้าง รุนแรงมั้ย

น้องโฟน:   เรื่องนี้ซีเรียสมาก! ด้วยความที่เราเป็น Interns เขาจะ Support แค่ค่าหอพัก น้ำ ไฟเท่านั้นค่ะ ส่วนค่ากิน ค่าใช้จ่ายจิปาถะส่วนตัวต้องเตรียมไปเอง แนะนำว่าควรเตรียมไปสัก 5-6 หมื่นบาท ก็สบายแล้ว แต่สำหรับน้องๆ มหาวิทยาลัยขอนแก่นจะมีทุนให้สำหรับคนไปสหกิจต่างประเทศด้วยนะคะ โฟนเลยพอสบายใจ ซึ่งที่จริงโฟนแอบใช้เกินงบอยู่เพราะเที่ยวฉ่ำมากและกินแซ่บมาก อยากกินอะไรก็กิน ใช้ชีวิตฉ่ำสุดๆ 555 แต่ถ้าคนปกติ (ที่ไม่ใช่หนู) ก็กินข้าววันละ 200-300 บาท ก็อยู่ได้สบายแล้วค่ะ (แต่หนูอะบางทีกินมื้อละ 300 บาท เกินเบอร์มาก)

.

“ค่าครองชีพที่ผิงตงเป็นยังไง?” บอกเลยว่าพอๆ กับไทยเลยค่ะ ฟีลกรุงเทพฯ แต่จะแพงกว่าหน่อยนึง ถ้าคิดต่อเดือนราวๆ 9,000-12,000 บาท ก็โอเคแล้ว เผื่อพวกซื้อของใช้ด้วย เช่น ของใช้ส่วนตัว สาวๆ ก็อาจจะมีเรื่องเครื่องสำอางที่ต้องซื้อทุกเดือน

.

Tips สำหรับสาวๆ: ที่นี่เขาไม่ค่อยแต่งหน้ากันนะคะ จะมีแต่ตัวมัม พส.ไทยเท่านั้นแหละ 555 แต่แนะนำว่าถ้าใช้พวกงานผิว เช่น Liquid Foundation หรือ Concealer ควรซื้อไปจากบ้านเลย เพราะที่นั่นราคาแอบแรง


ใครเรียกคะ ใช่เหล่ากงรึเปล่า
ใครเรียกคะ ใช่เหล่ากงรึเปล่า

Q6: ถ้าสมมติเราไปฝึกงานที่ไต้หวันมาแล้ว หนูโฟนคนสวยว่าโอกาสจะได้เข้าเรียนต่อ (ป.โท/เอก) จะเพิ่มขึ้นด้วยมั้ยลูก หรือว่าไม่เกี่ยวกัน คนละวาระ


น้องโฟน: หนูว่าโอกาสเพิ่มขึ้นแน่นอนค่ะ! ถ้าได้มีโอกาสไป Internship ที่ไต้หวัน แล้วเรามี Performance ที่ดี ตัวอาจารย์ที่ดูแลเราก็มักจะชวนเรียนต่อเลย (โฟนก็โดน 555) เพราะเขาต้องการเปิดรับนักศึกษาต่างชาติมากอยู่แล้ว แถมเรายังมีประสบการณ์ในการมาศึกษาที่ไต้หวันแล้ว ก็ยิ่งไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ ขึ้นอยู่กับเราเลยว่าอยากต่อไหม ถ้าอยากต่อก็กลับมาเตรียมตัวทั้งด้านภาษาจีน เตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เก็บประสบการณ์งานให้ตรงสายที่เราจะเรียน (ป.โท/เอก)  แล้วก็สมัคร เขารับแน่นอนเลย พร้อมมีทุนด้วยนะคะ ม.ที่โฟนไปส่วนมากเรียน ป.โท เป็นภาษาจีน มีแต่คณะวิทย์ที่มีเรียนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งรุ่นพี่ที่เคยไปฝึกงานหลายคนก็กลับไปเรียนต่อจริงๆ นะคะ บางคนได้ทุนเรียน จบแล้วก็ทำงานให้กับบริษัทที่นั่นเลย แบบเลิศ


Q7:   หนูโฟนได้ภาษาจีนมั้ยคะ ถ้าไม่ไ่ด้มีผลต่อการได้รับคัดเลือกไปฝึกงานมั้ยคะ


น้องโฟน : บอกเลยค่ะว่าโฟนแทบไม่ได้เลย แบบไม่เคยเรียนมาก่อนจริงๆ แต่พอมาที่ไต้หวันก็มาเรียนเอาที่นี่เลยครูพักลักจำสุดๆเน้นเรียนจากสถานการณ์จริง แต่ก็มีการพัฒนาขึ้นเยอะเลยค่ะ ตอนนี้สามารถซื้อของได้ สื่อสารกับคนท้องถิ่นได้บ้าง เวลามีคนพูดอะไรก็พอฟังออกบ้างแล้ว ส่วนอาจารย์ในสาขาที่ไปฝึกเขาก็ยินดีรับ และใช้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดเลยค่ะในการฝึก เพื่อนที่ไปฝึกคณะอื่นก็ใช้ภาษาอังกฤษเหมือนกัน ถ้าถามว่ามีผลต่อการคัดเลือกไหม ก็ไม่ทั้งหมดนะคะ แต่ถ้าได้ภาษาจีนก็จะมีโอกาสมากกว่ามากๆ และถ้าได้ทำงานกับ Office ภาษาจีนก็มีผลมาก เพราะใช้จีน 100% ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง แต่ในส่วน Research ไม่มีปัญหาเลยค่ะ เพราะใช้อังกฤษแบบฟุต ฟิต ฟอ ฟาย ตลอดเลย 55555 สรุปคือไม่ได้ภาษาจีนก็ไปฝึกได้นะคะ แต่ถ้ามีจะเป็นพลัสมาก ขึ้นอยู่กับว่าจะไปฝึกงานประเภทไหนด้วย ถ้าเน้น Research หรือ International Program ภาษาอังกฤษดีก็โอเคเลยค่ะ


น้องโฟนนี่ในตำแหน่ง Teaching Assistant
น้องโฟนนี่ในตำแหน่ง Teaching Assistant

Q8:  เม้ามอยชีวิตในไต้หวันให้เจ้ฟังหน่อยสิ ได้ข่าวว่าติดใจมากๆ ติดใจเมืองหรือหนุ่มๆ คะ


น้องโฟน:  ที่จริงก็เม้ามาเยอะแล้วนะ แต่บอกเลยว่าโฟนรักไต้หวันมากกก มากจนคิดว่าอยู่เป็นบ้านหลังที่สองได้เลย เพราะเราปรับตัวได้ง่ายมาก ง่ายจนบางทีเผลอคิดว่า “เอ๊ะ นี่เราอยู่ต่างประเทศจริงๆ หรอเนี่ย”  ชีวิตเลยค่อนข้างแฮปปี้กับที่นี่สุดๆ ผู้คนก็น่ารัก เป็นระเบียบ แถมยังใจดี เทคโนโลยีและการขนส่งก็ครบครัน สะดวกมากกกก สิ่งแวดล้อมปลอดภัย ที่เที่ยวเยอะ สรุปคือครบ จบ ฟิน งั้นขอเล่าเป็นเรื่องๆ ให้เจ้ฟังละกัน


🏠 หอพัก : 

โฟนที่เป็นตัวมัมที่ต้องไปอยู่หอชายค่ะ แล้วหอชายที่ได้คือเก่าแบบ 50 ปีได้มั้ง โฟนเลยตั้งชื่อเล่นว่า Azkaban ไปเลย ไม่ต้องบอกก็เดาภาพออกใช่มั้ย แต่แบบผู้ชายที่นี่คือหล่อมากก หล่อขั้นสุด แต่ความสะอาดนี่อีกเรื่องนะคะ 555 ต้องอยู่กับ รูมเมทอีก 3 คน ดีหน่อยที่มีเพื่อนคนไทยด้วย เลยพออุ่นใจ ด้วยความที่เราไม่ใช่คนติดหรู เลยชิลๆ ได้อยู่ กลายเป็นแม่บ้านจำเป็น ทั้งเก็บกวาดห้องตัวเองยันห้องน้ำหอไปเลย แต่หอดีๆ เขาก็มีนะ โดยเฉพาะหอผู้หญิง ที่ใหม่ สะอาด ครบ มีทั้งฟิตเนส โรงอาหาร ห้องอ่านหนังสือ คือสบายมาก โฟนเคยมีโอกาสได้ไปอยู่ที่นั่นช่วงตรุษจีน 1 เดือนเต็ม ฟีลดีมากกก ถ้าใครมีงบก็ยังมีหอนอก ราคาอยู่ราวๆ 10,000–15,000 TWD (แรงส์นิดนึง) แต่บอกตรงๆ ถ้ามองอีกมุม หอชายก็สนุกดีนะ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ และมีเรื่องให้ขำทุกวัน


🚲 การเดินทาง: 

ชีวิตประจำวันในไต้หวันคือสะดวกสุดๆ ไปไหนมาไหนง่ายมากกก ที่ผิงตงเอง โฟนใช้ YouBike (UBike) เป็นหลัก จักรยานสาธารณะที่มีสถานีให้เช่า-คืนแทบทุกมุมเมือง ปั่นไปเรียน ปั่นไปกินข้าว ปั่นไปทำงาน คือมันฟินมาก ได้ทั้งบรรยากาศและออกกำลังในตัว (ตอนแรกขาไขมัน สุดท้ายกล้ามขึ้นเฉย 555) ระบบก็ดีมาก ถ้าปั่นไม่เกิน 30 นาทีคือฟรี! เกินก็ NT$10/ครึ่งชม. ถูกมากกก ส่วนใครไม่อยากเหนื่อยก็มีรุ่นไฟฟ้าให้เลือก เริ่ม NT$20/ครึ่งชม. คือจะปั่นไปเรื่อยๆ แล้วสลับคืนจักรยานตามสถานีระหว่างทางก็ได้ ตรงนี้แหละที่ทำให้ชีวิตประจำวันมันง่ายจริงๆ เวลาไปเที่ยวเมืองใกล้ๆ เช่น เกาสง (Kaohsiung) ที่อยู่ติดกับผิงตง ก็ง่ายมากเพราะมีทั้งรถไฟฟ้า รถบัส รถไฟธรรมดา เลือกตามที่สะดวกได้เลย ไปถึงก็เจอเมืองใหญ่ที่ทันสมัยพอๆ กับไทเป แต่คนไม่แน่นเท่า บรรยากาศเลยชิลกว่ามาก ส่วนเวลาอยากไปเที่ยว ไทเป ที่อยู่เหนือสุดของเกาะ ก็มีทั้งรถไฟความเร็วสูง (HSR) ที่ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง หรือถ้าอยากประหยัดก็มีรถไฟธรรมดาและรถบัสให้เลือก ทุกเส้นทางคือเชื่อมถึงหมด ครอบคลุมทั่วทั้งเกาะ จะขึ้นเหนือ ลงใต้ ไปตะวันออก ตะวันตก คือไปได้หมดสะดวกจริง ไม่ต้องมีรถส่วนตัวก็ใช้ชีวิตได้สบาย


🍜 อาหารการกิน: 

อันนี้บอกเลยว่าตอนแรกก็มีงอแง เพราะเราเป็นสายแซ่บ เผ็ดๆ จัดจ้านแบบอาหารไทย แต่พอให้เวลาปรับตัวแค่สัปดาห์เดียว ทุกอย่างคืออร่อยหมด ร้านโปรดมีทั้งหม้อไฟ ร้านอาหารเวียดนาม และร้านเปี้ยนตังที่ถูกและคุ้มสุดๆ รอบมหาลัยก็เต็มไปด้วยร้านอาหาร ตัวเลือกเยอะจนเลือกไม่ถูก ร้านสะดวกซื้อก็เด็ด โดยเฉพาะเซเว่นที่มีขนมอร่อยๆ ราคาน่ารัก นั่งเม้ามอยกับเพื่อนๆได้ด้วย ส่วนชานมคือสวรรค์ มีให้เลือกหลายแบรนด์ MACU, 50lan, 迷客夏 ฯลฯ คือต้องลองทุก แบรนด์อะ และยังมีของหวานอย่างบิงซู น้ำแข็งไสที่ถูกและให้เครื่องแน่นมากกก สุดท้ายคือบอกเลยว่า “ไม่มีทางผอม มีแต่พีคขึ้น” 5555


🎓 ชีวิตในมหาวิทยาลัย: 

NPTU คือครบมากก มีทุกอย่าง ทั้งยิม สนามกีฬา สระว่ายน้ำ ห้องสมุด Co-working space บัตรนักศึกษาที่ออกให้ก็ใช้เข้าได้หมด ฟีลเดียวกับเด็กมหาลัยที่นั่นจริงๆ นอกจากนี้ยังมี Exhibition กิจกรรมต่าง ๆ ทั้งดนตรี ชมรม กีฬา คือจะสาย Introvert หรือ Extrovert ก็ไม่มีเหงาแน่นอน ทุกอย่างเปิดรับหมด


🌿 บรรยากาศและสิ่งแวดล้อม: 

ผิงตงเป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ ไม่วุ่นวายเหมือนไทเป แต่ก็มีความเจริญที่ครบพอสำหรับการใช้ชีวิต ร้านอาหาร คาเฟ่ ตลาดนัด ร้านสะดวกซื้อ คือมีหมด แต่เสน่ห์ของที่นี่คือ ความเป็นกันเองของผู้คน เวลาเดินไปไหนมาไหน มักจะเจอรอยยิ้มและการทักทายแบบอบอุ่น มันให้ฟีลเหมือนอยู่บ้านต่างจังหวัดของไทย แต่พัฒนาแล้วและสะอาดกว่ามาก

สภาพแวดล้อมก็ดีสุดๆ ถนนหนทางกว้าง ปลอดภัยสำหรับคนเดินและปั่นจักรยาน มีต้นไม้เยอะ อากาศโปร่ง ไม่อึดอัด มลพิษน้อย เวลาปั่นจักรยานไปทำงานหรือไปกินข้าวข้างนอกคือได้สูดอากาศดีๆ ทุกวัน มหาวิทยาลัยเองก็เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว มีสวน มีลมเย็นๆ ตลอดวัน บรรยากาศเลยไม่เครียดเลยค่ะ และที่ชอบมากคือ ความ Balance ของเมืองใต้ เกาสงเองก็เป็นเมืองใหญ่ที่เจริญ ทันสมัย มีห้างสรรพสินค้า ย่านช้อปปิ้ง Night-market เอยใด แถมยังมีรถลางเบา รถไฟฟ้าใต้ดินครบ ขับรถออกไปนิดเดียวก็เจอทะเล ภูเขา ธรรมชาติสวยๆ แล้ว ทำให้รู้สึกว่าชีวิตไม่ได้เร่งรีบหรือเหนื่อยเกินไป มันเป็นจังหวะชีวิตที่ลงตัวมาก




Q9:  อยากฝากอะไรถึงน้องๆ ที่อยากมาฝึกงานได้หวันมั้ยคะ ไม่ว่าจะเรื่องการเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมเงิน หรือประสบการณ์ชีวิตระดับพรีเมี่ยมที่จะได้รับในไต้หวัน


น้องโฟน:  ถ้าใครกำลังลังเลว่าจะมาฝึกงานต่างประเทศดีไหม โฟนอยากบอกเลยว่า “ไต้หวันคือจุดเริ่มต้นที่อบอุ่นและน่าลองที่สุด” ที่นี่ปลอดภัย เดินทางง่าย อาหารอร่อย ผู้คนน่ารัก และบรรยากาศก็ดีจนทำให้เรารู้สึกเหมือนได้บ้านหลังที่สองจริงๆ สิ่งที่อยากให้น้องๆ เตรียมมา มีไม่เยอะหรอกค่ะ แค่

  • เตรียมตัว ศึกษาข้อมูลเมืองและมหาวิทยาลัยคร่าวๆ

  • เตรียมใจ ออกมาจากคอมฟอร์ตโซนแล้วพร้อมจะลองสิ่งใหม่ๆ และ

  • เตรียมเงิน สำหรับกิน เที่ยว และใช้ชีวิต เพราะบอกเลยว่ามีแต่ของอร่อยและที่เที่ยวชวนฟินเต็มไปหมด


ช่วงเวลาที่นี่ โฟนได้ทั้งความรู้จากงานที่ทำ ภาษา และวัฒนธรรมใหม่ๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือได้เรียนรู้ว่าตัวเอง “ไปได้ไกลกว่าที่คิด” ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยานกลับหอในตอนเย็นๆ ลมพัดเย็นๆ พร้อมกลิ่นอาหารลอยมา หรือการนั่งรถไฟไปเที่ยวไทเปคนเดียวแล้วได้มองวิวภูเขาสลับทะเล มันคือประสบการณ์เล็กๆ ที่ทำให้ใจฟูทุกครั้ง ถ้าน้องๆ กำลังลังเลอยู่ โฟนอยากบอกว่า  “ลองเถอะ” เพราะบางทีแค่ 4 เดือนที่ไต้หวัน อาจกลายเป็น 4 เดือนที่เปลี่ยนชีวิตน้องๆ ไปเลยก็ได้



Taiwan I love youuu :3
Taiwan I love youuu :3

Content by : น้องโฟนนี่ (IG : phonefararone)

Edited by : พี่โค้ชแนน (Co-founder Taiwan Scholarship Hunter)


สามารถทักไลน์ @twscholarhunter หรือคลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อปรึกษากับพี่โค้ชฟรีก่อน และดูแพ็คเกจเรียนต่อขอทุนไต้หวัน คลิกเลย


bottom of page