top of page
1.png

รีวิวคณะ และชีวิตในไต้หวันโดยศิษย์เก่า

2.png

พี่โค้ชแนะนำคณะ

3.png

เรียนภาษาจีนที่ไต้หวัน

4.png

รีวิวชีวิตทำงานในไต้หวัน

จากอดีตแอร์โฮสเตส กับชีวิตที่ผกผันยุคโควิด มาเป็นนักเรียนทุนในวัย 30 และ Co-Founder สตาร์ทอัพสายเทค!

  • รูปภาพนักเขียน: Taiwan Scholarship Hunter Official
    Taiwan Scholarship Hunter Official
  • 17 ก.ย. 2566
  • ยาว 4 นาที

อัปเดตเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา

All Star x Scholarship Hunter: 1st Gen

ree


เปิดหมดเปลือก ชีวิตมาดามโอลิเวีย หรือโค้ชพี่แนนแห่งบ้าน Taiwan Scholarship Hunter ที่วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์การชีวิตที่มีทั้งขึ้นและลง แหกโค้ง ลงเหวยิ่งกว่ารถไฟเหาะ ทั้งเรื่องมรสุมชีวิตช่วงโควิด, การเริ่มเบนสายการทำงานในวัย 30 และ

การเตรียมตัวขอทุนเรียนโทที่ไต้หวันด้วยตนเองแบบสับ (สน) ไม่มีกั๊ก


สำหรับพี่ๆ เพื่อนๆ คนไหนที่อยากเปลี่ยนสายการทำงาน หรือกังวลเรื่องอายุ กลัวเรียนไม่รู้เรื่อง กลัวการเปลี่ยนแปลง

ขอบอกเลยว่าโพสนี้อาจเป็นแรงบันดาลใจ ปลดล็อคเสียงที่ตีกันในหัวอยู่ได้แน่ๆ เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันเล้ยยย



จากแอร์โฮสเตส สู่การเรียนต่อ ป.โท
รูปตอนโค้ชพี่แนนเป็นแอร์ สายการบิน Nokscoot

สวัสดี เราชื่อแนน แต่ที่ไต้หวันเราชื่อโอลิเวีย (ดัดจริตมาก แต่สามีตั้งให้ก็เลยโอเค) ก่อนหน้าที่โควิดจะถล่มโลกเราเคยเป็นแอร์อยู่ที่สายการบินสีเหลือง แต่บินต่างประเทศ แห่งทุ่งดอนเมือง ตอนนั้นเราจอยชีวิตเรามาก ได้ทำงานในฝัน เพื่อนร่วมงานก็ดีมากๆ ได้ไปต่างประเทศทุกวีค และที่สำคัญเงินแต่ละเดือนที่ได้ก็ไม่เลวเลย เราก็จอยชีวิตในฐานะลูกเรือได้อยู่ 5 ปี

จนกระทั่งโดนธนูปักที่เข่า ใครจะไปรู้ว่า นี่คือจุดพลิกชะตาชีวิต

ช่วงต้นปี 2020 นังโควิทตัวดีเริ่มระบาดแล้ว เริ่มต้นเลยที่จีนคือหนักสุด ลามมาญี่ปุ่น อินเดีย ไต้หวัน และเพราะสายการบินเราบินแต่จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ไต้หวัน 555555555555 ตารางบินเราก็เลยโดนถอดจนวุ่นวาย คือต้องอัพเดทกันวันต่อวันเลยว่าไฟล์ทนี้ยังมีอยู่หรือตุยแล้ว ส่วนเรื่องเงินเดือนไม่ต้องพูดถึงค่ะ รหัสไปรษณีย์ที่บ้านยังมีมูลค่ามากกว่า


และอย่างที่รู้ๆ กันว่าอุตสาหกรรมที่โดนกระทบหนักสุดคือ การท่องเที่ยว และสิ่งที่ไม่เคยมีใครคาดคิดก็มาถึง นั่นคือ สายการบินของเราประกาศหยุดกิจการ ตกงานพร้อมกันทั้งบริษัท ตอนนั้นเสียใจมาก ร้องไห้เหมือนคนอกหักทุกวัน ย้ำว่าทุกวัน เข้าใจทุกอย่างว่าไปต่อไม่ได้ แต่คนจะไป ก็ต้องไป รั้งเท่าไหร่แต่ฉันก็ทำได้เท่านี้น่ะ เข้าใจใช่ไหม


ตอนนั้นจำได้ว่าร้องไห้ไปก็ต้องหางานไป เพราะชีวิตมันมีค่า (ค่าใช้จ่าย) ตอนนั้นเครียดมากเลยค่ะ ต้องเข้าใจก่อนนะว่าทั้งชีวิตก่อนหน้านี้ไม่ได้อยากเป็นอะไรเลยนอกจากแอร์ฯ ฉะนั้นการต้องค้นหาตัวเองใหม่ในวัยเกือบ 30 (ในวันนั้น) มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และเราเองรู้ตัวดีว่า skills และประสบการณ์เราเริ่มต้นจาก 0 จริงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก ยืนงงในดงหางาน งงขนาดที่ว่า อ่าน Job description งานก็งง บางตำแหน่งคือยังไม่รู้เลยว่าตำแหน่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง กลัวไปหมด เริ่มจาก 0 จริงๆ


หาไปหามาสุดท้ายก็ได้งาน คือไปเป็นเซลล์ขายอาหารสัตว์เลี้ยงค่ะ เราได้ดูฝั่ง modern trade เอกสารเยอะ ไม่ได้ขายบู๊ล้างผลาญเหมือนเซลล์ฝั่งที่ต้องวิ่งเข้าร้าน ตำแหน่งที่ได้ก็ level เริ่มต้นเลยค่ะ เงินเดือนก็ย่อจากที่เคยได้สมัยบิน (มาครึ่งนึง) แต่ก็บอกตัวเองว่า มันคือการเริ่มต้นใหม่ของชีวิตนะ ใจเย็นๆ ถ้าเริ่มวันนี้ พรุ่งนี้ก็ไปไกลกว่าวันแรกแน่นอน หรือไม่จริง



ประสบการณ์ทำงาน Sales เรียนต่อต่างประเทศ
ตอนโค้ชพี่แนนเป็นทีม Sales FMCG

ปล. สำหรับหลายคนที่สงสัยว่าขายอาหารหมาต้องกินอาหารหมาจริงเหรอ ขอตอบตรงนี้ว่าจริงค่ะ 55555555 จะเม็ด จะเปียก

จะแมวเลีย นี่กินมาหมดแล้ว ไม่ได้กินคนเดียว กินกันทั้งทีม กินตั้งแต่เจ้าของบริษัทลงมา มีจานวางพร้อมช้อนบนโต๊ะประชุม

ตลกมากก ให้ความรู้สึกเหมือนตอนเสริฟอาหาร retort ให้ผู้โดยสาร แต่กลิ่นแซลมอนแรงแบบแปลกๆ 55555 สนุกดีอ่ะ รสชาติแบบอรรถรสสสสสส


ทำงานสายเซลล์ได้ประมาณ 1 ปีค่ะ โอ้โห ชอบมากค่ะ แต่รู้สึกว่าถ้าให้เวลาตัวเองอีกหน่อย + หาความรู้เพิ่มน่าจะพัฒนาได้

(ขอวงเล็บหน่อยนะว่า จริงๆ งานแอร์กับงานเซลล์มีจุดเชื่อมกันอยู่นะคะ ตรงที่เรามี soft skills ในการดูแลลูกค้า

เราไม่ได้ขายตะบี้ตะบันขาย แต่เข้าไปหาลูกค้าเป็น solution providers แก้ปัญหาให้เขา ซึ่งพอแก้ปัญหาแล้วก็แทบไม่ต้องขายเลย เพราะขายไม่ได้ ถรุ้ยยยยย ล้อเล่น! ที่บอกว่าไม่ต้องขายคือคือลูกค้าก็กึ่ง ๆ Loyalty ไปแล้ว แค่ไปเล่าให้ลูกค้าฟังเรื่อง product ใหม่ๆ ลูกค้าก็ซื้อ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเราไม่ทิ้ง ไม่หลอกเขาแน่นอน ถ้าเพื่อนๆ สายงานบริการ อยากลองเปลี่ยนสายงาน งานเซลล์ก็ไม่เลวเลยนะคะ)



ใดใดคือ พอไปจับงานสายสกิลจริง ๆ แล้วเราก็มองว่า อยากรู้เยอะกว่านี้ เลยคิดว่า เออ แล้วทำไมไม่เรียนต่อล่ะ!

เกิดคำถามขึ้นในหัว ตามมาด้วยคำถามในหัวร้อยแปดพันเก้า

  • จะเรียนอะไรดี

  • จะเรียนที่ไหนดี ในประเทศ หรือเรียนต่อต่างประเทศ

  • แล้วจะเรียนรู้เรื่องมั้ย? ไม่ได้เรียนมาแล้วตั้ง 10 ปี

  • เรื่องสำคัญที่สุดคือ ถ้าไม่ได้ทุนแล้วจะเอาเงินที่ไหนเรียน


นี่เชื่อว่าคนวัยนี้มีเรื่องต้อง concern มากเพราะด้วยอายุ และภาระที่มี เวลาจะตัดสินใจทำอะไรซักอย่าง มันแทบไม่เหลือที่ให้พลาดเลย แต่อยากบอกว่า ชีวิตมันจะหาทางออกให้เราได้เสมอ แค่ลองคว้าและทำมันเลย


พอคิดว่าจะเรียนต่อก็เริ่มหาข้อมูลเลยค่ะ เออ ลืมบอกว่าไปว่าที่เลือกไต้หวัน เพราะแฟนเป็นคนไต้หวันค่ะ ไม่ได้เจอนางมา 2 ปีเต็มๆ ไต้หวันก็ไม่เปิดประเทศซักกะที เลยเออออ ไอ้เรามันก็นักสู้ซะด้วย (อ้าว ลืมเรื่องหาความรู้เพิ่มเลย 55555555)


โจทย์หลักของเราคือ “ทุนเรียน” ค่ะ ทุนเท่านั้นที่ knock everything เลยเริ่มจากค้นหาว่าทุนไต้หวันมีทุนอะไรบ้างที่พอเป็นไปได้ ก็ไปเจอทุน 2 ทุนคือ MOE และ ICDF เพราะ 2 ทุนนี้จะ grant ให้กับเทอม Fall (เปิดเทอมเดือนกันยายน)

ซึ่งก็พอดีกับช่วงที่เราต้องการสมัครอยู่พอดีค่ะ สำหรับรายละเอียดทุน MOE อ่านต่อคลิก และทุน ICDF อ่านต่อคลิก



Taipei 101, symbol of Taiwan
ตึก Taipei 101 เป็นอาคารสีเขียว ที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก

ทุนมหาวิทยาลัยในไต้หวัน ก็มีทุนให้อยู่นะคะ มีทุนหลากหลายเลยทั้ง

  • full scholarship (เรียนฟรี + เงินเดือน)

  • Tuition Waiver (เรียนฟรี)

  • มีทุนอีกหลายรูปแบบมาก แล้วแต่มหาวิทยาลัย คณะที่เข้า และงบแต่ละปีด้วย


โจทย์อย่างที่สองคือ “เรียนเป็นภาษาอังกฤษ” เพราะเราไม่ได้ภาษาจีนจีนนเลย ซึ่งอันนี้หาไม่ยาก นอกจากว่าเราจะค้นหาด้วยตัวเองในแต่ละมหาลัยแล้ว เราก็สามารถดูข้อมูลจากเอกสารของทาง MOE เขาจะมีบอกว่าคณะไหนบ้างที่มีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ คลิกที่นี่ เราก็เลือกจากตรงนั้นแหละ เพราะข้อมูลเขาค่อนข้างครบถ้วนอยู่ค่ะ


สุดท้ายเราไฟนอลที่ การเลือกเรียนต่อไต้หวัน แบบทุ่มหมดใจ ไม่ใช่เพราะความรักนำพา แต่เพราะมันเป็นไปได้สำหรับเราด้วยค่ะ


  • Diploma คือใบปริญญาบัตรนะคะ ไม่ใช่ certificate of graduation (แต่ต้องเตรียมไว้ทั้งคู่เลย ยิ่งดี) ให้เอาฉบับภาษาอังกฤษนะ มันจะอยู่ด้านหลังฉบับภาษาไทย ลองไปแงะๆ ดู ถ้าไม่มีให้รีบติดต่อทางมหาลัยเลยนะคะ ย้ำอีกครั้ง ขอเป็นฉบับภาษาอังกฤษนะ

  • Transcript คือใบเกรดค่ะ ให้เอาฉบับภาษาอังกฤษ ที่มีเกรดล่าสุด สำหรับใครที่เกรดเทอมสุดท้ายยังไม่ออก ให้ส่งตัวอัพเดทที่มีในมือไปก่อนได้นะคะ

  • รูปถ่าย พื้นหลังสีขาว ทั่วไปเลยค่ะ ขอให้เห็นใบหูนะคะ เพราะถ่ายรอบเดียว จะใช้ได้ในทุก ๆ งาน

  • Resume แนะนำว่าให้ใส่รายละเอียดให้ครบนะคะ อยากให้จัดเต็มเลย เน้น ๆ skills, education background, working experience, internship experience, achievements, certificates ใส่ไปให้ครบ อย่าลืมนะว่า resume จะเป็นสิ่งที่ represent ตัวเราได้ ส่วนทริคการเตรียม Resume หรือ CV เรียนต่อต่างประเทศ คลิกอ่านต่อที่บทความ ทำ Resume/ CV สมัครเรียนต่อไต้หวัน

  • Portfolio ตรงนี้เค้าไม่ได้ขอ แต่ฉันจะให้ ! พวก marketing, engineering, entrepreneurship อันนี้ใส่ไปเลยไม่ต้องกั๊ก ใส่ลงไปเลยค่ะ ใช้เวลากับตรงนี้ให้เยอะ ๆ เพราะบางที่ไม่ได้สัมภาษณ์เรา เราก็ขายตัวเองจากตรงนี้ค่ะ

  • Study Plan ส่วนนี้ โคตรสำคัญ เพราะเนื่องจากว่าเราสมัคร iMBA ทั้ง 3 ที่เลย study plan ก็จะเหมือนๆ กัน มีเคล็ดลับว่าพยายามเป็นตัวเรา แต่ตัวเรา มันต้องโดดเด่นนะ !

ส่วนโครงสร้าง Study plan จะว่าตายตัวก็ไม่ตายตัว แต่ให้เป็นระเบียบ อ่านง่าย เป็น Step โดยเล่าว่าเราทำอะไรมา มีประสบการณ์ด้านไหนมา ทำไมถึงอยากมาเรียน แต่พยายามตบ ๆ ว่าเราเห็น gap หรือ opportunities ที่ยังไม่มีใครทำ แล้วหากเราได้มาเรียนจะทำให้เราต่อยอดได้ยังไง พยายามเขียนให้เป็นรูปธรรมเลยนะคะ เอาเนื้อๆ ไม่เอาน้ำ แต่ไอเดียอื่นๆ ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากแชร์อะไร เต็มที่ได้เลยค่ะ แต่อยากให้อยู่ในคีย์ที่เราและมหาวิทยาลัยสนใจ จะทำให้เรามีโอกาสสูงขึ้นในการถูกเลือก

คอร์สเตรียมความพร้อมเรียนต่อไต้หวัน พร้อมทริคการทำ study plan ให้โดดเด่น % การรับเข้าเรียน ขอทุนได้ทุนสูงขึ้น คลิกเพื่อดูรายละเอียดคอร์ส


  • Recommendation Letter หาไว้อย่างต่ำ 2 - 3 คน แนะนำให้ติดต่อผู้ที่จะเขียนล่วงหน้า 4-5 เดือนเลยค่ะ พร้อมแนบ resume และคณะที่เราต้องการจะเข้า เพื่อให้แต่ละท่านได้มีเวลาเขียน recommendation letter ให้เราไม่อยากให้ไปกดดัน กระชั้นชิดค่ะ เพราะอาจจะเกิดความลำไยขึ้นได้ ส่วนไฟล์ ก็ขอมาเป็น pdf ได้เลยน้า และแจ้งว่าตอนที่กรอกจริงๆ จะเป็นอีเมล์ยิงไปจากระบบ application registration ให้กรอกจากตรงนั้นได้เลย

  • Bank Statement ขอย้อนหลัง 6 เดือนเลยค่ะ เอาเป็นฉบับภาษาอังกฤษที่มีชื่อของเราอยู่บนนั้น แนะนำให้มีกันเหนียวไว้ 150,000-200,000 บาท (ยอดรับรองเป็น USD, TWD) หรือหากใครมีไม่ถึง สามารถให้ผู้ปกครองออกรับรองให้ได้ค่ะ

หลังจากนั้น รอผลประกาศประมาณ 1.5 – 2 เดือน

การรอคอยก็จบลงง เราได้มงทุน Tuition waiver IMBA ที่ National Taiwan University of Science and Technology หรือ NTUST ไชโยยยย !

Taiwan Tech (NTUST) Admission Letter and Scholarship Letter
Taiwan Tech - NTUST Admission Letter and Scholarship Letter


การเรียนที่ IMBA ของ NTUST (Taiwan Tech) หลักสูตรเป็นภาษาอังกฤษ 100% นะคะ พื่อนๆ ก็มาจากทุกมุมโลกเลย แต่เอเชียจะเยอะหน่อยนะ มีทั้งไทย ไต้หวัน อินโดฯ เวียดนาม ละตินอเมริกา แล้วก็ยุโรป เรียกได้ว่า หลากหลายสุด แต่ทุกคนใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เล่นมุกห้าบาทสิบบาทค่ะ



วิชา IMBA ที่ NTUST ไต้หวัน แบ่งเป็น 4 cores คือ

  • Organizational Behavior and Theory เน้นโครงสร้างองค์กร และ human resources management

  • Multinational Management and Innovation เน้นเรียนการพัฒนาองค์กร, business development

  • Intelligent Development and Management เน้นเรื่องการบริหารองค์กรเชิงเทคโนโลยี, global & digital marketing

  • Supply chain management แต่จะเน้นไปทางบริหารภาพรวม planning ต่าง ๆ เพราะถ้าลงลึกแบบคิดกระบวนการเลย จะเน้นเป็นสาย industrial Management / Engineering มากกว่า

  • Data Analysis คือ ไม่ได้เน้น data analysis หรือ coding จ๋า แต่เป็นการสอนเชิง practical เอาไปใช้งานเบื้องต้น หรือทำเป็นพวก project manager Tech firm ต่าง ๆ

มีวิชานึงที่ชอบมาก และอยากให้ทุกคนลงเรียนคือ New Business Development ในคลาสไม่ใช่แค่สอน business canvas แต่อาจารย์พยายามเชื่อมโยง framework กับไอเดียต่าง ๆ ให้เราเห็นภาพที่กว้างมากขึ้นว่าในทุกๆ activities มันส่งผลต่อองค์กรยังไง ทุกวีคจะมีให้อ่าน case study จาก Harvard Business School (HBS) และมา discuss กันในห้อง

Taiwan Classroom, บรรยากาศการเรียน ป.โทไต้หวัน
ภาพในคลาสเรียน วิชา Business Development ที่ Taiwan Tech

ซึ่งตอนไฟนอลอาจารย์ให้แต่ละกรุ๊ปคิดและฝึก Pitching ไอเดียธุรกิจใหม่ ในคลาส คนชนะได้อะไรไม่รู้ลืมไปแล้ว 555 แต่ที่สำคัญคือ การได้ connect the dots เอาความรู้ในห้อง ความรู้ที่สะสมจากการทำงาน และไอเดียที่ลอยไปลอยมาในหัว มาจับยำให้เป็นธุรกิจต่อยอด สุดปัง ซึ่งคลาสนี้เป็นเหมือนจุดปลดล็อคสกินทองคำ entrepreneurship ในตัวเรา ให้กล้าทำธุรกิจหาเงินหาทองใช้กับชีวิตที่ไต้หวัน นั่นก็คือ

  • OnlyHouse บริการหาบ้านให้นักเรียนหรือ expats ในไทเป แอดไลน์คลิกเลย

  • Taiwan Scholarship Hunter แนะแนวการศึกษาต่อและขอทุนเรียนไต้หวัน ทั้งระดับป.ตรี ป.โท และป.เอก

ขอโม้หน่อยว่า ปีนึงที่ผ่านมา Taiwan Scholarship Hunter ส่งน้อง ๆ ได้ทุนทุกคน เรียกได้ว่า หนึ่งคน ได้มากกว่า 1 มหาวิทยาลัย และรวมถึงทุน MOE คลิกอ่านรีวิวนักเรียนของพี่โค้ชได้เลย

Startup pitching practice / opportunity
บรรยากาศ training startup เพื่อเตรียม pitching ที่ไต้หวัน


และขาดไม่ได้คือ เราอยากบอกว่า ไต้หวันนี่คือประเทศแห่งโอกาสจริง ๆ ซึ่งตอนนี้ เรากำลังมีโปรเจ็กต์ start-up tech ที่นำ AI มาเป็น solutions ในวงการ exhibition ชื่อว่า SmartProof Solutions ซึ่งเรากับทีมจะขึ้น pitch ขอ Funding

ในเดือนพฤศจิกายนนี้ที่ไต้หวัน ยังไงจะมาเล่าถึงเส้นทางการทำ startup ในไต้หวันให้ฟังในรอบหน้าน๊า


ในส่วนของแฟนคนไต้หวัน ของโค้ชพี่แนน

เกือบลืมเล่าเลย อีกหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้มาเรียนคือ พลังแห่ง long distance relationship ตรงๆ เลยก็คือ มาเรียนเพราะผู้ชายค่ะ นังโควิทตัวร้าย แกทำให้ฉันไม่เจอแฟน 2 ปีเต็มๆ หลายคนถามว่า 2 ปี ไม่เจอกันเลยเป็นไปได้หรอ นี่ตอบตามความจริงเลยว่า ถ้าไม่ใช่คนนี้ก็คงไม่รอดหรอก คนที่ไม่ใช่ก็อย่าไปฝืน แต่ถ้าเจอคนที่ใช่แล้ว มันก็ต้องสู้ สู้จนกว่าชนะค่ะ 555555


แต่งงานกับคนไต้หวัน แฟนคนไต้หวัน
โค้ชพี่แนนในอีกบทบาท คือการแต่งงานกับคนไต้หวัน

ตอนนี้ชนะแล้วค่ะ ได้ทั้งปริญญาโท และทะเบียนสมรส กราบขอบพระคุณชีวิต ผู้มีอุปการะคุณ และเสื้อสีมงคลมากๆ เลยค่ะ

ที่ทำให้กราฟชีวิตเด้งขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนไปก็ขอบคุณสามีมาก ๆ ที่คอยให้กำลังใจ สนับสนุนในทุก ๆ การตัดสินใจ และ appreciate กันและกันตลอดมา I can’t do all these without you


ปล. หลายๆ คนถามว่าคุณแม่โอลิเวียไปมูที่ไหนมาคะ ถึงได้ผชไต้หวันแสนดีคนนี้ ?

ปักหมุดเลยนะคะ ที่แรกคือ นครวัด ประเทศกัมพูชา และที่สอง เป็นวัดเล็กๆ อยู่เมืองเถาหยวนชื่อว่า Nankan Wufu Temple ที่นี่ขอด้านงาน ด้านเงินจะปังมากกว่า แต่ความรักก็ไม่เบาค่ะ

การรับปริญญาที่ไต้หวัน ใส่ชุดอะไรก็ได้
การรับปริญญาที่มหาวิทยาลัยในไต้หวัน ใส่ชุดอะไรก็ได้ เอาที่สวย!

ตอนนี้เรียนจบอย่างเป็นทางการค่ะ เป็น 2 ปีที่สนุกมาก

มองย้อนกลับไปก็บอกตัวเองว่า นี่เป็นอีกเรื่องที่ตัดสินใจถูกที่สุดในชีวิต การลงทุนกับตัวเองเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดเสมอ ชีวิตมีลงได้ ก็ขึ้นได้ค่ะ ไม่มีสูตรสำเร็จเลย อย่าฟูมฟายกับสิ่งที่เราไม่มี แต่ให้โฟกัสกับสิ่งที่เรามี แล้วเริ่มจากตรงนั้น ไม่รู้เหรอ ก็เรียนก็อ่าน , ไม่มีเงินทุนขายของเหรอ ก็เริ่มจากธุรกิจที่ไม่ต้องใช้เงินสูง (ตั้งแต่ทำธุรกิจมา ก็รู้แล้วว่ามีหลายอย่างมากที่ทำได้เลย โดยที่ไม่ต้องใช้เงินทุนซักบาท) ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้นเสมอ เริ่มก้าววันนี้ ก็ได้ก้าวไปแล้ววันนี้ อย่าไปกลัวนะ ชีวิตเราทั้งชีวิต ตั้งใจทำให้มันดีในทุกวัน


รับปริญญามหาวิทยาลัยในไต้หวัน
รับปริญญาที่ National Taiwan University of Science and Technology


จากแอร์ฯ คนนึงผู้ซึ่งไม่มีความมั่นใจในตัวเองแห่งโลกการทำงานออฟฟิศเลย สู่การเป็นนักเรียนทุนตอนอายุ 30

และได้เปลี่ยนสายงานพร้อมทำธุรกิจในวัย 30+ มองย้อนกลับไป It was quite a bumpy ride แต่มันก็สนุกดีนะ



เรียนปริญญาโทกับเพื่อนต่างชาติ
เลี้ยงฉลองรับปริญญา กับเพื่อน ๆ หลากหลายชาติ

หวังว่าประสบการณ์ของเราจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ หลายคน ใครอยากสอบถามอะไรเพิ่มเติม สามารถแอดไลน์มาคุยเล่น หรืออยากปรึกษาเบื้องต้น ก่อนลงสมัครคอร์สเตรียมความพร้อม กับทีมพี่โค้ชแนน และพี่โค้ชกุ๊งกิ๊งได้ที่ Line: @twscholarhunter


อย่างที่ลูกศิษย์พี่โค้ชคนนึงบอกว่า มีความฝันก็พอ ! เพราะวันที่เริ่มต้น พวกพี่ ๆ ก็มีแค่ความฝันเหมือนกันค่ะ แต่ขอแค่กล้าลงมือทำ ^_^

bottom of page